

เรื่อง โวหารการเขียน
ความหมายของโวหาร
โวหาร หมายถึง ถ้อยคำที่ใช้ในการสื่อสารที่เรียบเรียงเป็นอย่างดี มีวิธีการ มีชั้นเชิงและมีศิลปะ เพื่อสื่อให้ผู้รับสาร รับสารได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจนและลึกซึ้ง รับสารได้ตามวัตถุประสงค์ของ ผู้ส่งสาร การเขียนเรื่องราวอาจใช้โวหารต่างกันแล้วแต่ชนิดของข้อความ โวหารอาจจำแนก ตามลักษณะของข้อความหรือเนื้อหาเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้
๑. บรรยายโวหาร
๒. อธิบายโวหาร
๓. พรรณนาโวหาร
๔. อุปมาโวหาร
๕. สาธกโวหาร
๖. เทศนาโวหาร
๑. บรรยายโวหาร
คือ โวหารที่ใช้บอกกล่าว เล่าเรื่อง อธิบายหรือบรรยายเรื่องราวเหตุการณ์ ตลอดจนความรู้ต่าง ๆอย่างละเอียด เพื่อให้ผู้รับสารเข้าใจเนื้อหา สาระอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน เนื้อหาที่บรรยายอาจเป็นเรื่องที่สมมุติหรือเรื่องจริงก็ได้ เรื่องที่ใช้บรรยายโวหาร ได้แก่ การเขียนตำรา รายงาน บทความ เรื่องเล่า เป็นต้น
แนวทางการเขียน
๑. เขียนอย่างชัดเจน แสดงข้อเท็จจริงอย่างถูกต้อง
๒. เขียนรวบรัด เฉพาะสาระสำคัญอย่างตรงไปตรงมา
๓. ใช้ภาษาเข้าใจง่าย ใช้คำน้อยแต่กินความมาก
ตัวอย่างการเขียนประเภทบรรยายโวหาร

2. อธิบายโวหาร
คือ โวหารที่ทำให้ความคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งนำประเด็นที่สงสัยมาอธิบาย ขยายความ ให้เข้าใจแจ่มแจ้ง เช่น การอธิบายตามลำดับขั้น การอธิบายด้วยการให้นิยาม หรือคำจำกัดความ การยกตัวอย่างเปรียบเทียบ การชี้สาเหตุและผลลัพธ์ที่สัมพันธ์กันและการใช้อุปกรณ์หรือภาษาประกอบ
แนวทางการเขียน
1. เขียนโดยการให้คำนิยาม
2. เขียนโดยการใช้ตัวอย่างประกอบ
3. เขียนอธิบายตามลำดับขั้นตอน
4. เขียนอธิบายจากสาเหตุไปหาผลลัพธ์หรือผลลัพธ์ไปหาสาเหตุ
ตัวอย่างการเขียนประเภทอธิบายโวหาร

๓. พรรณนาโวหาร
คือ โวหารที่เลือกใช้ถ้อยคำสำนวนที่ไพเราะเพราะพริ้ง เล่นคำ เล่นอักษร ใช้ถ้อยคำทั้งเสียงและความหมายให้ตรงกับความรู้สึกที่ต้องการพรรณนา รู้จักปรุงแต่งถ้อยคำ ให้ผู้รับสารเกิดภาพพจน์ กล่าวถึงเรื่องราว ให้ผู้รับสารเกิดภาพพจน์ เกิดอารมณ์คล้อยตามไปด้วย ใช้ในการพูดโน้มน้าว อารมณ์ของผู้ฟัง ชมความงามของบุคคล สถานที่และแสดงอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ เป็นต้น
แนวทางการเขียน
๑.ไม่เคร่งครัดเรื่องข้อเท็จจริง แต่ต้องมีความสมจริง
๒.สร้างภาพให้ผู้อ่านมองเห็นและเกิดอารมณ์ความรู้สึกคล้อยตาม
๓.เลือกถ้อยคำที่สื่อความหมาย ภาพ และอารมณ์ได้อย่างชัดเจนมีความเหมาะสมกับเรื่องราว
ตัวอย่างการเขียนประเภทพรรณนาโวหาร

๔. สาธกโวหาร
คือ โวหารที่มุ่งให้ความชัดเจนโดยการยกตัวอย่างหรือเรื่องราวประกอบการอธิบาย เนื้อหาสาระเพื่อสนับสนุนการใช้สาธกโวหาร ควรใช้ถ้อยคำภาษาที่เข้าใจง่าย รู้จักเลือกว่าเนื้อหาตอนใดควรใช้ตัวอย่างประกอบ หรือเรื่องราวประกอบ และตัวอย่างที่ยกมาประกอบต้องสอดคล้องกับเนื้อหา และเป็นเรื่องที่น่าสนใจสมเหตุสมผล
แนวทางการเขียน
๑.ยกตัวอย่างเรื่องที่เป็นเหตุเป็นผลกับเนื้อหา โดยไม่ขัดแย้งกัน
๒. ใช้ภาษาชัดเจนและเข้าใจง่าย
๓. ใช้โวหารอื่นประกอบให้สอดคล้องเหมาะสมกับเนื้อหา
ตัวอย่างการเขียนประเภทสาธกโวหาร

๕. เทศนาโวหาร
คือ โวหารที่มุ่งโน้มน้าวใจให้เกิดความรู้สึกคล้อยตาม เป็นการกล่าวในเชิงอบรม แนะนำ สั่งสอน เสนอทัศนะ ชี้แนะ การใช้เทศนาโวหารควรใช้ถ้อยคำภาษาให้เหมาะสมกับผู้รับสาร ใช้ถ้อยคำในการชี้แจงเหตุผลที่กล่าวถึงให้แจ่มแจ้งชัดเจนและชี้แจงไปตามลำดับไม่สับสนวกวน
แนวทางการเขียน
๑. เขียนอย่างชัดเจน สามารถอธิบายและหาเหตุผลประกอบได้และมีหลักฐานอ้างอิงประกอบ
๒. ใช้ภาษาเข้าใจง่าย กระชับ มีน้ำหนัก และเร้าความสนใจของผู้อ่าน
๓.ใช้โวหารชนิดอื่นประกอบร่วมด้วย
ตัวอย่างการเขียนโวหารประเภทเทศนาโวหาร

๖. อุปมาโวหาร
คือ โวหารที่กล่าวเปรียบเทียบ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นการใช้อุปมาโวหารควรเลือกใช้ถ้อยคำที่เข้าใจง่าย และสละสลวย เนื้อหาที่จะเปรียบเทียบควรเป็นเนื้อหาที่อธิบายให้เข้าใจ ได้ยาก เปรียบเทียบกับสิ่งที่เข้าใจได้ง่าย หรือสิ่งที่ผู้รับสารรู้ดีอยู่แล้ว และข้อความที่จะยกมาเปรียบเทียบ (อุปไมย) กับข้อความที่นำมาเปรียบเทียบ (อุปมา) จะต้องเหมาะสมกัน
แนวทางการเขียน
๑.เปรียบเทียบสิ่งที่เหมือนกันสองสิ่ง (มักมีคำว่า เหมือน ดุจ คล้าย เปรียบอย่าง ดัง)
๒. เปรียบเทียบโดยการโยงความคิดจากสิ่งหนึ่งไปยังสิ่งหนึ่ง
3. เปรียบเทียบโดยการยกตัวอย่างประกอบ
ตัวอย่างการเขียนโวหารประเภทอุปมาโวหาร
